วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

การเดินทาง

ข้อมูลการเดินทาง
         รถยนต์
   จากกรุงเทพ ฯ สามารถเดินทางไปจังหวัดชลบุรีได้หลายเส้นทาง คือ
1. ใช้เส้นทางสายบางนา-ตราด ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
2. ใช้เส้นทางสายกรุงเทพฯ-มีนบุรี ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา-บางปะกง เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
3. ใช้เส้นทางสายเก่า ถนนสุขุมวิท ทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ ไปจนถึงแยกอำเภอบางปะกง และให้แยกเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 34 ไปจนถึงจังหวัดชลบุรี
4. ใช้เส้นทางหลวงพิเศษ (MOTOR WAY) สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา โทร. 1193, 0 3839 2001

รถไฟ
        จากสถานีรถไฟหัวลำโพง มีบริการรถไฟไปจังหวัดชลบุรีทุกวัน ๆ ละ 1 เที่ยว ไปสิ้นสุดที่
สถานีรถไฟพลูตาหลวง สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ โทร. 1690, 0 2223-4334, 0 2220-4444 www.railways.co.th

รถโดยสารประจำทาง
 จากสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) มีบริการรถโดยสารปรับอากาศไปชลบุรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 5.30-21.00 น. รถออกทุก 40 นาที โทร. 0 2391-9829 รถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 มีบริการระหว่างเวลา 5.00–21.00 น. ออกทุก 30 นาที โทร. 0 2391–2504 รถโดยสารธรรมดามีบริการตั้งแต่เวลา
5.00-21.00 น. ออกทุก 30 นาที โทร. 0 2391-2504 หรือจะขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ก็ได้ มีรถโดยสารปรับอากาศบริการตั้งแต่เวลา 6.30-18.30 น. โทร. 0 2936-2852-66 www.transport.co.th
         นอกจากนั้นยังมีบริษัทเดินรถเอกชนที่วิ่งบริการ ออกจาก สถานีขนส่งสายใต้ เป็นรถโดยสารปรับอากาศไปพัทยาทุกวัน วิ่งเส้นบางนา-ตราด รถไปจอดที่ สถานีรถปรับอากาศ ถนนพัทยาเหนือ ของ บริษัท รถรุ่งเรือง จำกัด เริ่มตั้งแต่เวลา 05.30-18.30 น.รถออกทุก 2 ชั่วโมง โทร. 0 2884 5582 สาขาพัทยา โทร. 0 3842 9877

เรือโดยสาร
        มีบริการเรือโดยสาร (เรือสำราญ) สิริธารา โอเชี่ยน ควีน เส้นทางระหว่าง พัทยา-สมุย ออกเดินทางเวลา 16.30 น. ถึงปลายทาง เวลา 7.30 น. สนใจติดต่อ โทร. 0 2651 1346-9 , 0 2255 6470-5 โทรสาร 
0 2651 1350 หรือเว็บไซต์ www.oceanqueen.co.th

ข้อมูลทั่วไป





คำขวัญ ประจำจังหวัด

ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย 



               จังหวัดชลบุรี เรียกกันสั้น ๆ ว่า “เมืองชล” เป็นจังหวัดท่องเที่ยวชายทะเลตะวันออกที่มีชื่อเสียงมาช้านาน เป็นแหล่งเกษตรกรรมปลูกพืชเศรษฐกิจได้แก่ อ้อย มันสำปะหลัง และยางพารา รวมทั้งเป็นที่ตั้งท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และแหล่งอุตสาหกรรมโรงงานที่สำคัญ
         ตามประวัติปรากฏหลักฐานว่า เมืองชลบุรีมีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเป็นเมืองเล็ก ๆ หลายเมือง ได้แก่ เมืองบางทราย เมืองบางปลาสร้อย และเมืองบางพระ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รวบรวมเมืองดังกล่าวเข้าด้วยกันเป็นจังหวัดชลบุรี
           เมืองชลบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 80 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 4,363 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ คือ อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอหนองใหญ่ อำเภอพนัสนิคม อำเภอบ้านบึง อำเภอพานทอง อำเภอบ่อทอง อำเภอศรีราชา อำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ อำเภอเกาะสีชัง และอำเภอเกาะจันทร์ สำหรับ พัทยา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ และมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องมีการบริหารปกครองท้องถิ่นแบบพิเศษ เรียกว่า เมืองพัทยา โดยแยกออกจากการปกครองของอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

 วัฒนธรรมประเพณี 
        งานบุญกลางบ้าน และเครื่องจักสานพนัสนิคม จัดขึ้นในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ของสัปดาห์แรกเดือนพฤษภาคม หรือเดือน 6 ของไทย เป็นงานประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านานของชาวอำเภอพนัสนิคม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ของสัปดาห์แรกเดือนพฤษภาคม หรือเดือน 6 ของไทย ชาวบ้านจะนำอาหารมาร่วมกันทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้พระภูมิเจ้าที่เจ้า กรรมนายเวร ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อขับไล่สิ่งเลวร้าย ให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารสมบูรณ์ หลังพิธีสงฆ์จะมีการรับประทานอาหารร่วมกัน การละเล่นพื้นบ้าน และสาธิตการทำเครื่องจักสานพนัสนิคม

งานเทศกาลวันไหล

          วันที่ 19 เมษายน ของทุกปี คือวันทำบุญขึ้นปีใหม่ของชาวทะเลในช่วงวันสงกรานต์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16–17 เมษายน ของทุกปี บริเวณชายหาดบางแสนและพัทยา มีการทำบุญตักบาตร สรงน้ำ ก่อพระเจดีย์ทราย เล่นสาดน้ำ และกีฬาพื้นบ้าน สำหรับเมืองพัทยา ได้กำหนดจัดงานวันไหลในโดยมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีรดน้ำดำหัว ขบวนแห่วันไหล การสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานของประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศ

งานประเพณีกองข้าว 

         จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 เมษายน เป็นประเพณีอันเก่าแก่ของชาวเมืองชลบุรี ปัจจุบันมีที่
อำเภอศรีราชาที่ยังคงรักษาประเพณีนี้อยู่ โดยจัดให้มีขึ้นเป็นประจำทุกปี ระหว่างวันที่ 19-21 เมษายนเพื่อเป็นการบวงสรวงเทพเทวดาที่ปกป้องคุ้มครองมาตลอดปี กิจกรรมของงานประกอบด้วยการจัดขบวนแห่ที่นำโดยกลุ่มผู้เฒ่าผู้แก่ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่แต่งกายด้วยชุดไทยเข้าร่วมขบวน พิธีบวงสรวง และเซ่นสังเวยผี การสาธิตประเพณีกองข้าว การละเล่นพื้นบ้าน การสาธิต และจำหน่ายขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง

งานเทศกาลพัทยา 

          จัดขึ้นประมาณกลางเดือนเมษายนของทุกปี จัดขึ้นประมาณกลางเดือนเมษายนของทุกปี เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่ชื่อเสียงของเมืองพัทยา มีการจัดขบวนแห่ที่ประดับด้วยดอกไม้สวยงาม การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านไทย แข่งขันกีฬาทางน้ำ การประกวดนางงามพัทยา ประกวดก่อปราสาททราย จุดพลุและดอกไม้ไฟที่ริมทะเล และการจำหน่ายสินค้าที่ระลึก

งานประเพณีก่อพระทรายวันไหล บางแสน 

          เป็นงานประเพณีที่ชาวตำบลแสนสุขได้ ถือปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยโบราณ เดิมเรียกว่า “งานทำบุญวันไหล” คือ การที่ประชาชนในหมู่บ้านต่าง ๆได้มาทำบุญร่วมกันเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ หรือวันปีใหม่ของไทย โดยการนิมนต์พระทุกวัดที่อยู่ในเขตตำบลแสนสุขมาประกอบพิธีสงฆ์ มีการทำบุญ ตักบาตร สรงน้ำ หลังจากนั้นก็เป็นกิจกรรมก่อพระเจดีย์ทราย เล่นสาดน้ำ การละเล่น และกีฬาพื้นบ้าน เป็นต้น

งานประจำปีจังหวัดชลบุรี 

          ประมาณกลางเดือนเมษายนของทุกปีเป็น งานประจำปีที่ชาวจังหวัดชลบุรีได้ร่วมกันจัดติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475โดยรวมงานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ งานสงกรานต์ และงานกาชาดไว้ด้วยกัน โดยถือเอาประมาณกลางเดือนเมษายนของทุกปีเป็นวันจัดงานกิจกรรมของงานประกอบไปด้วย ขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์พิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงโขนของกรมศิลปากร และการแสดงทางวัฒนธรรม นิทรรศการ และการออกร้าน ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริม และรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น ตลอดจนปลูกฝังคุณค่าด้านศิลปวัฒนธรรมไว้สืบไป

ประวัติจังหวัดชลบุรี

      ชลบุรีเป็นดินแดนที่ปรากฏขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยทวารวดี  ขอม  และสุโขทัย  แต่เดิมเป็นเพียงเมืองเกษตรกรรมและชุมชนประมงเล็กๆหลายเมืองกระจัดกระจายกันอยู่ห่างๆ โดยในทำเนียบศักดินาหัวเมืองสมัยอยุธยากำหนดให้ชลบุรีเป็นเมืองชั้นจัตวา  ส่วนแผนที่ไตรภูมิก็มีชื่อตำบลสำคัญของชลบุรีปรากฏอยู่  เรียงจากเหนือลงใต้  คือ เมืองบางทราย  เมืองบางปลาสร้อย  เมืองบางพระเรือ  (ปัจจุบันคือบางพระ) และเมืองบางละมุง  แม้ว่าจะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่ก็อุดมไปด้วยทรัพยากรทั้งบนบกและในทะเล  มีการทำไร่  ทำนา ทำสวน  และออกทะเลมาแต่เดิมนอกจากนี้ยังมีการติดต่อกับชาวจีนที่ล่องเรือสำเภาเข้ามาค้าขายกับกรุงสยามด้วย
          ดินแดนที่เรียกว่าจังหวัดชลบุรี   มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์แล้วคือสามารถย้อนไปได้จนถึงยุคหินขัด  เช่น บริเวณที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำพานทองเคยมีมนุษย์ยุคหินใหม่อาศัยอยู่ โดยชนกลุ่มนี้นิยมใช้ขวานหินขัดเพื่อการเก็บหาล่าไล่ รวมถึงใช้ลูกปัดและกำไล ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาซึ่งมีลายที่เกิดจากการใช้เชือกทาบลงไปขณะดินยังไม่แห้ง  นอกจากนี้ยังพบเศษอาหารทะเลพวกหอย  ปู  และปลาอีกด้วย   เมื่อปี พ.ศ. 2522 ได้มีการขุดสำรวจที่ตำบลพนมดี อำเภอพนัสนิคม พบร่องรอยของชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์โคกพนมดี  ทำให้สันนิษฐานได้ว่า ภายในเนื้อที่ 4,363 ตารางกิโลเมตรของชลบุรี  อดีตเคยเป็นที่ตั้งเมืองโบราณที่มีความรุ่งเรืองถึง 3 เมืองได้แก่  เมืองพระรถ  เมืองศรีพโล  และ เมืองพญาแร่  โดยอาณาเขตของ 3 เมืองนี้รวมกันเป็นจังหวัดชลบุรีในปัจจุบัน


     เมืองพระรถ
       ในสมัยทวารวดีและสมัยลพบุรี ประมาณ 1,400-700 ปีก่อน บริเวณตำบลหน้าพระธาตุ อำเภอพนัสนิคมในปัจจุบัน มีร่องรอยของเมืองใหญ่ชื่อ “เมืองพระรถ” ตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มซึ่งแม่น้ำหลายสายไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำพานทอง โดยสามารถใช้แม่น้ำสายนี้เป็นทางคมนาคมติดต่อกับเมืองศรีมโหสถในจังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบันคือบริเวณบ้านสระมะเขือ  บ้านโคกวัด และบ้านหนองสะแก อำเภอศรีมโหสถ)  จนไปถึงอำเภออรัญประเทศได้  อีกทั้งยังมีเส้นทางเดินเท้าเชื่อมไปถึงจังหวัดระยองและจันทบุรี  ผ่านเมืองพญาเร่ซึ่งเป็นเมืองโบราณสำคัญอีกแห่งหนึ่งของชลบุรี  เมืองพระรถจึงกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของชลบุรีในยุคนั้น
         นอกจากนี้  นักโบราณคดียังสำรวจพบว่าเมืองพระรถเป็นเมืองโบราณยุคเดียวกับเมืองศรีพโล หรือเก่ากว่าเล็กน้อย เนื่องจากปรากฏว่ามีทางเดินโบราณเชื่อมต่อสองเมืองนี้ในระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร

          "เมืองชล คนมีธรรมะ"


 

เมืองศรีพโล
       “เมืองศรีพโล” ตั้งอยู่บริเวณบ้านอู่ตะเภา ตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมืองชลบุรี หน้าเมืองมีอาณาเขตจรดตำบลบางทรายในปัจจุบัน  เคยมีผู้ขุดพบโบราณวัตถุหลายอย่าง เช่น พระพุทธรูปทองคำ สัมฤทธิ์ แก้วผลึก ขันทองคำ ถ้วยชามสังคโลกคล้ายของสุโขทัย จระเข้ปูน และก้อนศิลามีรอยเท้าสุนัข เป็นต้น นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเมืองศรีพโลเป็นเมืองในสมัยขอมเรืองอำนาจแห่งภูมิภาคอุษาคเนย์ และอาจจะมีอายุร่วมสมัยกับลพบุรีซึ่งอยู่หลังยุคอู่ทอง  และก่อนยุคอยุธยาคือประมาณปี พ.ศ. 1600-1900
       จากการขุดค้นทางโบราณคดีทำให้ทราบว่า  ตัวเมืองศรีพโลตั้งอยู่ใกล้กับปากน้ำบางปะกง  
โดยเมื่อประมาณ 600 ปีก่อนในสมัยสุโขทัย  เมืองนี้มีฐานะเป็นเมืองท่าชายทะเลที่มั่งคั่ง  เปิดรับเรือสำเภาจากจีน กัมพูชา และเวียดนาม ให้มาจอดพักก่อนเดินทางต่อไปยังปากน้ำเจ้าพระยา (เป็นที่น่าเสียดายว่ากำแพงเมืองศรีพโลได้ถูกทำลายไปหมดสิ้นจากการก่อสร้างถนนสุขุมวิท จึงไม่เหลือร่องรอยทางโบราณคดีไว้ให้ศึกษา)  ต่อมาในสมัยอยุธยาเมืองศรีพโลก็ค่อยๆหมดความสำคัญลง อาจเพราะปากแม่น้ำตื้นเขินจากการพัดพาสะสมของตะกอนจำนวนมหาศาล  ประชาชนจึงย้ายถิ่นฐานลงมาสร้างเมืองใหม่ที่ “บางปลาสร้อย” ซึ่งก็คือ เมืองชลบุรี” ในปัจจุบัน (วัดใหญ่อินทารามในตัวเมืองชลบุรีปัจจุบัน ยังปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนังการค้าขายระหว่างคนไทย จีน  และฝรั่ง  บ่งบอกถึงบรรยากาศการค้าขายอันคึกคักในอดีต)







เมืองพญาเร่
       “เมืองพญาเร่” ตั้งอยู่ในเขตตำบลบ่อทอง  อำเภอบ่อทอง เป็นเมืองยุค-
ทวารวดีเช่นเดียวกับเมืองพระรถ  เมืองนี้ตั้งอยู่ในเขตที่สูง ห่างจากเมืองพระรถประมาณ 32 กิโลเมตร ลักษณะผังเมืองเป็นรูปวงรี 2 ชั้น ชั้นแรกมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1,100 เมตร ส่วนชั้นในประมาณ 600 เมตร โดยคูเมืองและคันดินของตัวเมืองชั้นนอกทางด้านเหนือยังคงปรากฏเห็นได้ชัดเจนในปัจจุบัน
       เมืองพญาเร่มีการติดต่อกับเมืองพระรถอยู่เนืองๆโดยใช้คลองหลวงเป็นเส้นทางสัญจร  ปัจจุบันลำคลองนี้ยังคงอยู่  โดยเป็นคลองสายสำคัญและมีความยาวที่สุดของจังหวัดชลบุรี   ทุกวันนี้การทำนาในอำเภอพนัสนิคมและอำเภอพานทอง  ยังคงอาศัยน้ำจากคลองนี้  เนื่องจากมีแควหลายสายแตกสาขาออกไป  แควใหญ่ที่สุด  คือ  แควที่เกิดจากทิวเขาป่าแดง







บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงาน/ข้อเสนอแนะ

            การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์เว็บบล็อกสามารถสรุปผลการดำเนินงานโครงงานและ
ข้อเสนอแนะ ดังนี้
   5.1  การดำเนินงานจัดทำโครงงาน
       5.1.1วัตถุประสงค์ของโครงงาน  เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเว็บบล็อก
       5.1.2 วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน  เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเว็บบล็อก
        5.1.3 เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ http://travelmangson01.blogspot.com/

    5.2  สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน
                   การดำเนินงานโครงงานนี้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้คือ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีด้วยเว็บบล็อก ที่จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี นำเสนอผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วได้รับความรู้ ความเข้าใจ เล็งเห็นความสำคัญเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี ที่จะเป็นการอนุรักษ์การท่งเที่ยวในประเทศไทยด้วยสื่อเว็บบล็อก ที่มีประโยชน์และเป็นการนำเทคโนโลยีและมาพัฒนาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีคุณค่าและเกิดประโยชน์

บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน

          การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาสร้างwww.Blog.com  เนื้อหาเกี่ยวกับ
 การท่องเที่ยวเมืองชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี ซึ่งมีผลการดำเนินงานโครงงาน ดังนี้
         4.1  ผลการพัฒนาโครงงาน
             การพัฒนาโครงงานสร้าง WWW.Blog.com เรื่อ การท่องเที่ยวเมืองชลบุรี เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรีและเสริมสร้างความรู้เพิ่มเติม คณะผู้จัดทำได้ดำเนินตามขั้นตอนการเนินงานที่ได้วางแผนและได้นำเสนอ เผยแพร่ผลงานผ่านทางเครือข่ายระบบอินเทอร์เน็ตที่สามารถเข้าถึงได้ทุกเวลาและทุกสถานที่เป็นแหล่งเรียนรู้ในโลกออนไลน์ละรวดเร็วในการรับข้อมูล
          4.2  ตัวอย่างผลงาน



ภาพที่ 1 ภาพผลงาน เข้าสู่เว็บไซต์

ภาพที่ 2 สร้างบทความ


ภาพที่ 3 เผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์ใน  


บทที่ 3 วัสดุอุปกรณ์และวิธีการดำเนินงาน

อุปกรณ์
1. เครื่องคอมพิวเตอร์
2. ความจำ
3. อินเตอร์เน็ต
4. กระดาษ ดินสอ ปากกา ยางลบ

   - อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ Intel(R)Core(TM) i7-2630QM CPU @ 2.00 GHz 2.00 GHz
2. หน่วยความจำสำรอง
3. ฮาร์ดิสInstalled memory (RAM):4.00 GB 

ขั้นตอนในการดำเนินโครงงาน

1. การคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจทำ
2.  ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
3. การจัดเค้าโครงของโครงงานที่จะทำ
4. การลงมือทำโครงงาน
5. การนำเสนอโครงงาน

    วิธีการดำเนินงาน
                 การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ www.Blog.com คณะผู้จัดทำโครงงานมีวิธี ดังนี้
3.1 ขั้นตอนการดำเนินการ
        1.คิดหัวข้อโครงงานเพื่อเสนออาจารย์ที่ปรึกษา
       2.ศึกษาค้นคว้า รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับโครงงานในการสร้าง www.Blog.com
 และการตกแต่ง www.Blog.com ให้น่าสนใจ
       3.ศึกษาโปรแกรมในการการสร้าง www.Blog.com
       4.จัดทำโครงงานและร่างโครงงาน เสนออาจารย์ที่ปรึกษา
      5.ออกแบบ www.Blog.com
      6.จัดทำโครงงานสร้าง www.Blog.com
      7.เผยแพร่ผลงานผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต http://travelmangson01.blogspot.com/
      8.ทำเอกสารสรุปรายงานโครงงาน

3.2วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
      1.ศึกษาเรื่อง ท่องเที่ยวเมืองชลบุรี
      2.ศึกษาเรื่องการออกแบบ www.Blog.com
      3.ศึกษาเรื่องการทำงานของโปรแกรม http://travelmangson01.blogspot.com/

3.3วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน
      1.เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
      2.เว็บไซต์ เว็บบล็อก http://travelmangson01.blogspot.com/





บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ชลบุรี เป็นดินแดนที่มีผู้คนมาอาศัยมาตั้งแต่ก่อนสมัยประวัติศาสตร์  ได้มีการขุดค้นทางโบราณคดีที่ตำบลโคกพนมดี  อำเภอ พนัสนิคม  ได้พบร่องรอยของชุมชนโบราณก่อนสมัยประวัติศาสตร์  โคกพนมดี เป็นเชลล์มาวด์ที่ใหญ่โตแห่งหนึ่ง  ซึ่งยังไม่เคยพบใน ประเทศทางเอเซียอาคเนย์อื่น ๆ จากการศึกษาโครงกระดูกมุนษย์และโบราณวัตถุที่พบ  เช่น  เครื่องมือหินขัด  เครื่องปั้นดินเผาแบบ เชือกทาบ  รวมทั้งเครื่องประดับที่ทำด้วยเปลือกหอยและหินมีค่า  แสดงว่าเป็นชุมชนที่มีความเจริญอยู่ในระดับยุคหินใหม่  การค้นพบ แห่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่โคกพนมดีนี้  ย่อมแสดงให้เห็นว่าบริเวณจังหวัดชลบุรี  เป็นดินแดนที่มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคหิน ใหม่แล้ว  ส่วนชุมขนที่พัฒนาเป็นบ้านเมืองสำคัญในยุคแรกของประวัติศาสตร์ในเขตจังหวัดชลบุรี ได้แก่  เมืองพระรถ  เมืองพญาเร่ และ เมืองศรีพโล
           ยุคก่อนประวัติศาสตร์  จากการสำรวจในช่วง ปี พ.ศ.๒๕๑๖ – พ.ศ.๒๕๒๘ ในพื้นที่อำเภอพนัสนิคม อำเภอพานทอง อำเภอบ่อทอง และอำเภอเมือง ฯ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็่นดินแดนที่มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เป็นชุมชนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ ถึงยุคประวัติศาสตร์ นับแต่เขาชะอางห้ายอดในแหล่งโบราณคดีกลุ่มเขาชะอาง อำเภอบ่อทอง ชุมชนโคกพนบดี โคกพุทรา อำเภอพนัสนิคม ชุมชนโคกระกา โคกกะเหรี่ยง อำเภอพานทอง และชุมชนเนินสำโรง อำเภอเมือง ฯ
            โคกพนบดี  เป็นเนินดินขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายเกาะที่ตั้งอยู่ในที่ราบลุ่ม มีรูปร่างค่อนข้างกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒๓๐ เมตร มีพื้นที่ประมาณ ๒๘ ไร่ จุดสูงสุดจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๑๒ เมตร อยู่ในเขตตำบลท่าข้ามอำเภอพนัสนิคม
ผลการศึกษาพบว่า โคกพนบดีเป็นที่ตั้งชุมชนโบราณที่สามารถสร้างเครื่องมือหิน (ขวานหินขัด หินลับ หินบด ค้อนหิน หินกรวดสำหรับขัดผิว ภาชนะและกำไลหิน) เครื่องมือที่ทำจากกระดูกสัตว์เช่น ฉมวก เครื่องมือที่ทำจากหอยเช่น มีด สิ่ว เครื่องประดับที่ทำจากเปลือกหอย และภาชนะดินเผาแบบเชือกทาบ เป็นชุมชนที่อพยพ และเปลี่ยนแปลงมาจากสังคมแบบดั้งเดิม ซึ่งมักอาศัยอยู่ในที่สูงดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์และแสวงหาอาหารจากธรรมชาติ ต่อมาอพยพลงมาอยู่ที่โคกพนบดี ซึ่งในครั้งนั้นเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งจากป่าและทะเล มีผู้เสนอข้อคิดเห็นว่าเนินดินแห่งนี้เป็น shell Mound สมัยก่อนประวัติศาสตร์ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเซียอาคเนย์ ต่อมาผู้คนเหล่านั้นก็เริ่มพัฒนาการดำรงชีวิตด้วยการเพาะปลูกแบบเริ่มแรก ควบคู่กันไปกับการแสวงหาอาหารจากทะเล และล่าสัตว์ขนาดเล็กมีผู้ให้ความเห็นว่า การตั้งถิ่นฐานที่โคกพนบดีนี้น่าจะมีสองสมัยคือ สมัยแรก มีอายุประมาณ ๘,๐๐๐ – ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว ดำรงชีพด้วยทรัพยากรจากทะเลเป็นสำคัญ (พบเปลือกหอย ก้างปลา กระดองเต่า และก้ามปู จำนวนมาก)  สมัยที่สอง มีอายุประมาณ ๕,๐๐๐ – ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว ชุมชนน่าจะขยายตัวใหญ่ขึ้น เพราะได้พบภาชนะดินเผาเป็นจำนวนมาก เริ่มปลูกข้าว (พบเมล็ดข้าวที่เป็นถ่าน)
โคกระทา  อยู่ที่บ้านโคกระทา ตำบลนาประดู่ อำเภอพานทอง ลักษณะเป็นเนินดินรูปร่างค่อนข้างยาว ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนสูงสุดของเนินอยู่ทางตอนเหนือสูงกว่าพื้นที่โดยรอบประมาณ ๖ เมตร ทางตอนใต้ของโคกระทามีลำน้ำเก่าไหลผ่าน เรียกว่า คลองสายบัว ไหลไปบรรจบคลองบางนาที่ไหลไปบรรจบแม่น้ำบางชะกง
จากการศึกษา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ ด้วยวิธีขุดตรวจทางโบราณคดี ได้พบโครงกระดูกมนุษย์ห้าโครง และสิ่งของที่ใส่ให้กับศพเช่น เครื่องประดับที่ทำด้วยสำริด ลูกปัดแก้ว ลูกปัดหิน กำไลเปลือกหอย ฯลฯ นอกจากนั้นยังพบเครื่องใช้จำพวกภาชนะดินเผา ลูกกระดุมดินเผา เบี้ยดินเผา หินดุ ถ้วยสำริด แหวนสำริด ชิ้นส่วนกำไลสำริดจากหลักฐานที่พบสันนิษฐานว่า ชุมชนโบราณบ้านโคกระทาเป็นชุมชนสมัยก่อนประวัติศาตร์ตอนปลาย (ยุคสำริด) ขนาดใหญ่ที่มีการติดต่อกับชุมชนร่วมสมัยอื่น ๆ ในภาคกลางของไทยและอาจมีความสัมพันธ์กับชุมชนอื่น ๆ ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
โคกกะเหรี่ยง หรือ โคกฝรั่ง  อยู่ในเขตตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง เป็นเนินดินรูปกลมขนาดใหญ่สูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๕ เมตร ก่อนที่กลุ่มคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก จะเข้ามาจับจองอยู่ถึงปัจจุบัน เคยเป็นที่อยู่ของชาวกะเหรี่ยง
จากการสำรวจ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ ได้พบเศษภาชนะดินเผาเนื้อหยาบ เผาด้วยอุณหภูมิต่ำ มีการตกแต่งผิวด้วยลายเชือกทาบ รูปแบบภาชนะส่วนใหญ่ มีรูปทรงคล้ายบาตรพระ เศษกระเบื้องดินเผาเนื้อหยาบเผาด้วยอุณหภูมิสูง พบเพียงสามชิ้นเป็นชนิดเคลือบเขียว ไม่เคลือบหนึ่งชิ้น นอกจากนั้นยังพบกระดูกสัตว์ และเปลือกหอยหลายชนิด
จากหลักฐานที่พบสันนิษฐานว่า เป็นชุมชนขนาดใหญ่ อาจร่วมสมัยกับชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ที่โคกพนบดี และโคกระทา มีอายุประมาณ ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว
เนินสำโรง  เป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายถึงสมัยประวัติศาสตร์ (สมัยทวารวดี) ตั้งอยู่ที่มาบสามเกลียว ตำบลหัวร่อ อำเภอเมือง ฯ เป็นเนินดินขนาดเล็ก อยู่กลางพื้นนาสูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๒ เมตร
จากการสำรวจ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ พบโบราณวัตถุกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะตอนกลางเนิน ได้แก่ เศษภาชนะดินเผาเนื้อหยาบ เผาด้วยอุณหภูมิต่ำ ตกแต่งผิวภาชนะด้วยลายเชือกทาบ เศษภาชนะดินเผาเนื้อแกร่ง เผาด้วยอุณหภูมิสูงชนิดไม่เคลือบ ผิวสีน้ำตาลเข้ม ตกแต่งผิวด้วยลายขีด เศษภาชนะดินเผา เครื่องถ้วยชนิดเคลือบ มีสีผิวต่าง ๆ เช่น เคลือบน้ำตาลคล้ำ เคลือบเขียว และขาวขุ่น นอกจากนั้นยังพบอิฐขนาดต่าง ๆ และเปลือกหอยแครง
จากการพบแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ในเขตอำเภอบ่อทอง อำเภอพนัสนิคม อำเภอพานทอง จนถึงทางเหนือของอำเภอเมือง (ตำบลหัวร่อ) ปัจจุบันเป็นพื้นที่มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาตร์ กลุ่มแรกอาศัยอยู่ตามถ้ำและเพิงผา กลุ่มต่อมาตั้งถิ่นฐานอยู่ตามเนินดิน ที่ล้อมรอบด้วยป่าชายเลน หรือป่าโกงกาง แล้วขยับลงมายังที่ราบ จากนั้นก็พัฒนาเป็นบ้านเมืองในสมัยประวัติศาสตร์
ยุคประวัติศาสตร์ก่อนสมัยสุโขทัย  ชุมชนที่พัฒนาเป็นบ้านเป็นเมืองในยุคแรก ๆ ของประวัติศาสตร์ในเขตจังหวัดชลบุรี ได้แก่ เมืองพระรถ เมืองพญาเร่และ เมืองศรีพโล (ศรีพะโร)
เมืองพระรถ เป็นชุมชนเมืองโบราณ อยู่ที่บ้านหน้าพระธาตุ อำเภอพนัสนิคม อยู่ห่างจากตัวอำเภอพนัสนิคม มาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ ๑ กิโลเมตร ปัจจุบันถนนฉะเชิงเทรา – พนัสนิคม ตัดทับส่วนหนึ่งของกำแพงและคูเมืองด้านทิศตะวันออก
จากโบราณสถานและโบราณวัตถุที่พบ เชื่อว่าเมืองนี้เป็นเมืองในสมัยทวารวดี (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๖) และเจริญสืบเนื่องมาจนถึงสมัยลพบุรี (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๑๘)
โบราณสถาน  มีอยู่สองประเภทคือ ร่องรอยผังเมืองและศาสนสถาน ผังเมืองพระรถเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด ๑,๕๕๐ x ๘๕๐ เมตร กำแพงเมืองเป็นคันดินสองชั้นสูงจากพื้นดินประมาณสองศอกเศษ ห่างกันชั้นละห้าวา คูเมืองกว้างประมาณสามศอก
ศาสนสถานที่พบคือ เนินพระธาตุ ซึ่งอยู่ตอนหลังของตัวเมืองด้านตะวันตก เป็นเนินพระสถูปสี่เหลี่ยมก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ เป็นฐานสถูปแบบทวารวดี
ทางด้านเหนือของเนินพระธาตุมีเนินดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งอยู่ติดกับสระน้ำโบราณ ชาวบ้านเรียกว่า สระฆ้อง บนเนินนี้มีหินปักอยู่ตามมุมทิศสำคัญ สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นฐานโบสถ์หรือวิหาร
โบราณวัตถุ ได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา ทั้งชนิดเคลือบและไม่เคลือบกระจายอยู่ทั่วไป ชิ้นส่วนของเทวรูปพระนารายณ์ สวมหมวกแขก พระพุทธรูปแบบทวารวดีปางนาคปรก หินบดยา กังสดาลและแท่นพระพุทธรูปทำด้วยหินขนาดใหญ่
ส่วนโบราณวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ที่พบได้แก่ พระพุทธรูปสำริดแบบลพบุรี พระพุทธรูปศิลาแบบทวารวดี เป็นพระพุทธรูปปางประทับยืนเหนือตัวพนัศบดี (พนัสบดี เป็นสัตว์ที่มีส่วนผสมของครุฑ หงส์ และวัว คือมีปากเป็นครุฑ มีเขาเป็นวัว และมีปีกคล้ายหงส์ ซึ่งเป็นลักษณะที่รวมพาหนะของเทพเจ้าทั้งสามในศาสนาฮินดู)  พระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านพบที่คูเมืองด้านใต้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรียกกันว่า พระพนัสบดี เป็นสัญลักษณ์ของอำเภอพนัสนิคม
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์
ชลบุรีสมัยอยุธยาและธนบุรี  ตามทำเนียบศักดินาหัวเมือง พ.ศ.๑๙๑๙ ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราช (ขุนหลวงพะงั่ว) เมืองชลบุรีมีฐานะเป็นเมืองจัตวา ผู้รักษาเมืองมีฐานะเป็น ออกเมืองชลบุรีศรีมหาสมุทร ศักดินา ๒,๔๐๐ ไร่ ขึ้นประแดง อินทปัญญาซ้าย
ชลบุรียุคปรับปรุงประเทศ
จังหวัดชลบุรีเป็นเมืองท่าชายฝั่งทะเล อยู่ใกล้กรุงเทพ ฯ  อากาศดี การเดินทางสะดวก เป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศที่เข้ามาอยู่เมืองไทย จึงเป็นสถานที่ชาวตะวันตกนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนตากอากาศ
ในปี พ.ศ.๒๓๘๑ หมอบรัดเล มิชชันนารี ชาวอเมริกันได้เข้ามาเผยแพร่คริสตศาสนาในกรุงเทพ ฯ  ได้เดินทางมาเที่ยวทะเลแถบบางปลาสร้อย อ่างศิลา แล้วขึ้นบกเดินทางต่อไปเขาเขียว ซึ่งอยู่ทางด้านหลังบางพระเข้าไป หมอบรัดเลได้บันทึกการเดินทางครั้งนั้นว่าสนุกเพลิดเพลินมาก นอกจากชาวตะวันตกแล้ว เจ้านายของไทยก็นิยมไปพักผ่อนตากอากาศชายทะเลและพักฟื้นจากการเจ็บป่วยที่จังหวัดชลบุรีด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น ชลบุรียังเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาตินานาชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าไม้กระยาเลย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เสนาบดีกระทรวงเกษตร ได้ขอสัมปทานทำป่าไม้กระยาเลยที่ศรีราชา ตั้งบริษัทป่าไม้ศรีราชา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๐ เป็นที่รู้จักกันในสมัยต่อมาว่า บริษัทศรีมหาราชา
งานประจำปีจังหวัดชลบุรี ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐
ถัดลงมาทางทิศใต้ตามลำน้ำพานทองช่วงออกทะเลที่ปากน้ำบางปะกง ในอดีตยังมีเมืองสำคัญอีกแห่งตั้งอยู่ชื่อ “เมืองศรีพโล” โดยเมื่อ 600 ปีก่อนในสมัยสุโขทัย เมืองนี้มีฐานะเป็นเมืองท่าชายทะเลที่มั่งคั่ง เปิดรับเรือสำเภาจากจีน กัมพูชา และเวียดนาม ให้มาจอดพักก่อนเดินทางต่อไปยังปากน้ำเจ้าพระยา (เป็นที่น่าเสียดายว่ากำแพงเมืองศรีพโลได้ถูกทำลายไปหมดสิ้นจากการก่อสร้างถนนสุขุมวิท จึงไม่เหลือร่องรอยทางโบราณคดีไว้ให้ศึกษาอีกต่อไป)  ต่อมาในสมัยอยุธยา เมืองศรีพโลก็ค่อยๆ หมดความสำคัญลง อาจเพราะปากแม่น้ำตื้นเขินจากการพัดพาสะสมของตะกอนจำนวนมหาศาล ประชาชนจึงย้ายถิ่นฐานลงมาสร้างเมืองใหม่ที่ “บางปลาสร้อย” ซึ่งก็คือ “เมืองชลบุรี” ในปัจจุบัน (วัดใหญ่อินทารามในตัวเมืองชลบุรีปัจจุบัน ยังปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนังการค้าขายระหว่างคนไทย จีน และฝรั่ง บ่งบอกถึงบรรยากาศการค้าขายอันคึกคักในอดีต)
ครั้นสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระอินทอาษา ชาวเมืองเวียงจันทน์พาชาวลาวจำนวนหนึ่งมาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ไปตั้งถิ่นอาศัยอยู่ระหว่างเมืองชลบุรีและฉะเชิงเทรา (บริเวณเมืองพนัสนิคมในปัจจุบัน) ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงได้รวบรวมเมืองเล็กๆ ต่างๆเข้าด้วยกันจนกลายเป็น “จังหวัดชลบุรี” ดังเช่นทุกวันนี้